
ในดินแดนเม็กซิโกอันกว้างใหญ่ ไกลโพ้นไปจากความวุ่นวายของเมืองหลวง มีเมืองโบราณที่ถูกทิ้งร้างมาหลายศตวรรษชื่อ “เอล แทจิน” (El Tajín) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้เป็นหนึ่งในมหัศจรรย์ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีสถาปัตยกรรมที่งดงามและลึกลับ ที่สะท้อนถึงความรู้ ความสามารถ และศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของผู้สร้าง
“เอล แทจิน” สันนิษฐานว่าก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6-9 สระน้ำโบราณ
โดยชาวโทtonacos ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในบริเวณนั้น ชื่อ “แทจิน” มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวโทtonacos แปลว่า “สถานที่ที่พระเจ้าอาศัยอยู่” ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญทางศาสนาของเมือง
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ “เอล แทจิน” คือปิระมิด 6 อันที่เรียงรายกันอย่างสวยงามบนพื้นที่ 10 ตารางกิโลเมตร ปิระมิดเหล่านี้สร้างขึ้นจากหินและดินเหนียวที่ถูกนำมาจากบริเวณใกล้เคียง และได้รับการตกแต่งด้วยงานแกะสลักที่มีลวดลายอ่อนช้อย
ชื่อปิระมิด | ความสูง (เมตร) | ลักษณะเด่น |
---|---|---|
ปิระมิดแห่งผู้ปกครอง | 20 | มีบันไดขึ้นหลายระดับ ตกแต่งด้วยรูปสลักของเทพเจ้าและวีรบุรุษ |
ปิระมิดแฝด | 15 | |
สองปิระมิดที่ตั้งติดกัน เชื่อว่าเป็นสถานที่สำหรับพิธีกรรมทางศาสนา | ||
ปิระมิดแห่งดวงอาทิตย์ | 12 | มุมมองจากด้านบนสามารถเห็นทัศนียภาพของเมืองได้อย่างกว้างไกล |
ปิระมิดแห่งดวงจันทร์ | 10 | มีลักษณะโค้งมนเหมือนดวงจันทร์, เป็นที่เชื่อกันว่าใช้ในการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ |
ปิระมิดแห่งท้องฟ้า | 8 | ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่สำหรับบูชาเทพเจ้าแห่งสวรรค์ |
นอกจากปิระมิดแล้ว “เอล แทจิน” ยังมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สนามกีฬา, โรงอาบน้ำ, และตลาด ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองโบราณนี้
ลวดลายที่สื่อถึงวิถีชีวิตและความเชื่อ
งานแกะสลักบนปิระมิดและอาคารต่างๆ ของ “เอล แทจิน” นั้นมีความละเอียดอ่อนและงดงามอย่างยิ่ง ลวดลายส่วนใหญ่เป็นรูปสัญลักษณ์ทางศาสนา เช่น เทพเจ้าดวงอาทิตย์, เทพเจ้าฝน, และเทพเจ้าแห่งความตาย
นอกจากนี้ ยังพบเห็นภาพของสัตว์ต่างๆ เช่น งู, นก, สุนัข และแมลงที่ถูกสลักอย่างเหมือนจริง ลวดลายเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อในธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวโทtonacos ที่อาศัยอยู่ใน “เอล แทจิน”
การรุ่งเรืองและการสูญสลาย
“เอล แทจิน” รุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน และเป็นศูนย์กลางทางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม ในช่วงศตวรรษที่ 10 เมืองนี้ก็ถูกทิ้งร้างลงโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
มีข้อสันนิษฐานว่า “เอล แทจิน” ถูกโจมตีและยึดครองโดยชนเผ่าอื่น หรืออาจเกิดจากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
ความสำคัญของ"เอล แทจิน"ในปัจจุบัน
“เอล แทจิน” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อปี 1992 และกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเม็กซิโก
ผู้มาเยือนสามารถเดินสำรวจป่าหินโบราณ ลงไปสัมผัสกับความสง่างามของปิระมิดและอาคารต่างๆ
นอกจากนี้ “เอล แทจิน” ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญ ช่วยให้ผู้คนได้เข้าใจถึงอารยธรรมโบราณของเม็กซิโกอย่างลึกซึ้ง
การศึกษาด้านโบราณคดีและมานุษยวิทยาใน “เอล แทจิน” ยังคงดำเนินต่อไป ผู้เชี่ยวชาญพยายามไขความลับเกี่ยวกับอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองในสถานที่แห่งนี้
“เอล แทจิน” เป็นสัญลักษณ์ของอัจฉริยะของมนุษย์ และเป็นโบราณสถานที่งดงามและน่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในโลก.